บันทึกอนุทิน
ครั้งที่ 11
วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เวลาเรียน 08.30-12.30 น.
เเนวคิดพื้นฐาน วิทยาศาสตร์คือการเปลี่ยนเเปลง การสังเกต (observe) เป็นทักษะ (skill)ที่จะได้
ข้อมูลเจตคติ (attitude) การอยากรู้อยากเห็น(curious)ของเด็ก การทดลอง(experiment)
จะครอบคลุมไปถึงการเปลี่ยนเเปลง
การทดลองวิทยาศาสตร์
1.เเก้วครอบเทียน
สิ่งที่เห็น > การเผาไหม้ทุกอย่างต้องการอากาศเมื่อเทียนมีการเผาไหม้ อากาศในเเก้วถูกใช้ไป
อากาศที่ถูกใช้คือเเก๊สออกซิเจนเท่านั้น ซึ่งปริมาณของออกซิเจนมีปริมาณ 1 ใน 3 ของอากาศทั้งหมด
เมื่อการเผาไหม้ใช้ออกซิเจนไป จึงเกิดที่ว่างขึ้นในเเก้ว สำหรับการทดลองนี้ต้องให้ความแนะนำกับเด็กๆ
เพราะการจุดไฟเป็นอันตรายอย่างมากกับเด็ก การทดลองนี้ฝึกให้เด็กสังเกตการเปลี่ยนแปลงโดยมี
อากาศเป็นตัวตั้งทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง
2. การทดลองพับกระดาษดอกไม้บาน
พับกระดาษเป็นสี่เหลี่ยม
ฉีกกระดาษรอบๆ ให้เป็นรูปดอกไม้เล็กๆ
หลังจากฉีกกระดาษเสร็จจะออกมาเป็นแบบนี้
พับกระดาษให้เป็นสี่เหลี่ยมตามแบบที่ตัวเองจะพับ หลวมหรือแน่นก็ได้เพื่อทำการทดลอง
หลังจากพับกระดาษเสร็จก็ทดลองนำมาลอยน้ำ เมื่อกระดาษโดนน้ำกระดาษก็จะคลี่ออก
สรุปการทดลองดอกไม้บาน
1. ถ้านำกระดาษไปลอยน้ำแล้วกระดาษไม่บานเนื่องจากการพับกระดาษเน้นจนเกินไปจึงทำให้กระดาษ
ไม่บานออก
2. ถ้านำกระดาษไปลอยน้ำแล้วกระดาษบานออกเนื่องจากการพับกระดาษหลวมๆ จึงทำให้กระดาษบาน
ออกมาอย่างสวยงามตามที่พับ
กิจกรรมที่ 3 การเจาะรูขวดน้ำดูการไหลของน้ำ
รูที่เจาะ 3 ระดับ คือ บน กลาง ล่าง
สมมุติฐาน คือ น้ำที่ออกมาจากรูที่ 1 น่าจะเเรงที่สุดตามลำดับ
แต่ถ้าปิดฝาขวดมันจะมีแรงดันอากาศทำให้น้ำไหลช้า
ถ้าเปิดฝาขวดออกจะทำให้น้ำไหลเร็วกว่าการปิดฝาน้ำไว้เพราะมีอากาศถ่ายเทมากกว่าการปิดขวดน้ำ
4. ดินน้ำมันลอยน้ำ
-กิจกรรมคือปั้นดินน้ำมันให้เป็นรูปถ้วย หรือตามจินตนาการของแต่ละคนโดยจะทำการทดลองหย่อนดิน
น้ำมันลงน้ำ หลังจากที่หย่อนดินน้ำมันลงน้ำแล้วก็ต้องสังเกตว่าลอยหรือจม ถ้าเกิดดินน้ำมันลอยให้ใส่
ลูกแก้วไปที่ละ 1 ลูก จนกว่าดินน้ำมันจะจม ของตัวดิฉันเองปั้นเป็นรูปสีเหลี่ยมจึงทำให้ดินน้ำมันลอยใส่
ลูกแก้วได้ 1 ลูกก็จม เพื่อนบ้างคนใส่ลูกแก้ว 2-3 ลูกถึงจม เป็นเพราะแรงดันและความหนาแน่นของน้ำ
และดินน้ำมัน
5. แว่นขยายโดยการใช่น้ำ
กิจกรรมการทดลองแว่นขยายนี้จะฝึกการสังเกต ก่อนที่จะเอาดินสอลงไปในแก้วที่มีน้ำอยู่จะเห็นว่า
ดินสอมีขนาดปกติ แต่พอเอาลงไปในแก้วที่มีน้ำเราสังเกตที่ข้างแก้วจะเห็นว่าดินสอมีขนาดใหญ่ขึ้น
เนื่องจากวัตถุมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำจึงทำให้เรามองเห็นดินสอใหญ่ขึ้น
ประเมินตนเอง
-ร่วมการทำกิจกรรมและหลังจากเรียนเสร็จได้ไปค้นหาความหมายของความหนาแน่น
ความหนาแน่นเป็นสมบัติเฉพาะของวัสดุแต่ละชนิด ที่อาจแปรผันได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น ของไหลจะมีความ
หนาแน่นเปลี่ยนไปเมื่ออุณหภูมิ และความดันเปลี่ยนแปลง ส่วนของแข็งชนิดเดียวกัน จะมีความหนาแน่นต่างกัน
ได้ตามสภาพของโครงสร้าง มลทิน และรูพรุนในเนื้อของวัสดุนั้น ๆ ในงานเซรามิกส์จำเป็นต้องศึกษาเรื่องความ
หนาแน่นของวัตถุดิบ เนื่องจากความหนาแน่นของวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุเซรามิกส์ เช่น ดิน หิน แร่ต่าง ๆ หรือ
วัตถุดิบเพื่อการขึ้นรูป ได้แก่น้ำดิน รวมถึงความหนาแน่นของน้ำเคลือบที่ใช้ตกแต่งผลิตภัณฑ์ ล้วนมีผลต่อ
คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และวิธีการปฏิบัติงาน ซึ่งไม่มีข้อกำหนดเฉพาะว่าน้ำดิน และน้ำเคลือบจะต้องมีความหนา
แน่นเท่าใดจึงจะดีที่สุด แต่ผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องศึกษา ทดสอบและทดลองให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสมกับสภาพ
การปฏิบัติงานนั้น ๆ รวมทั้งกำหนดเป็นมาตรฐานของตนเพื่อควบคุมความหนาแน่นในการปฏิบัติงานครั้งต่อไป
ความหมายและชนิดของความหนาแน่น
ความหนาแน่น (Density) คือ อัตราส่วนของมวลต่อปริมาตร โดยจำแนกความหนาแน่นออกเป็น 4 ชนิด คือ
ความหนาแน่น (Density) คือ อัตราส่วนของมวลต่อปริมาตร โดยจำแนกความหนาแน่นออกเป็น 4 ชนิด คือ
ความหนาแน่นคริสตัลโลกราฟิค ความหนาแน่นจริง ความถ่วงจำเพาะ และความหนาแน่นปรากฏ ซึ่งความหนา
แน่นแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้ (ดวงเพ็ญ ศรีบัวงาม และอนุรักษ์ ปติรักษ์สกุล, ม.ป.ป., หน้า 135)
1. ความหนาแน่นคริสตัลโลกราฟิค (Crystallographic Density) เป็นความหนาแน่นที่คำนวณได้จาก
โครงสร้างของผลึกที่ไม่มีจุดพร่องใดเลย แต่เนื่องจากวัสดุทุกชนิดในโลกจะต้องมีความบกพร่องเกิดขึ้นในเนื้อ
วัสดุ เช่น มีฟองอากาศ มีแร่หรือมลทินอื่นเจือปน มีโครงสร้างทางผลึกที่ผิดปกติจากที่ควรจะเป็น เป็นต้น ดังนั้น
ความหนาแน่นที่คำนวณจากโครงสร้างของผลึกของวัสดุที่ถือว่าไม่มีจุดบกพร่องใดเลยนี้จึงเรียกว่า ความหนา
แน่นในอุดมคติ
การประเมินเพื่อน
-เพื่อนๆ ร่วมกันทำกิจกรรมที่อาจารย์นำมาทดลองให้ดูทุกกิจกรรม
-ร่วมกันตอบคำถามที่อาจารย์ถามเกี่ยวการทดลองวิทยาศาสตร์เพื่อนำไปสอนเด็กในอนาคต
การประเมินอาจารย์
-อาจารย์หาสื่อที่หลากหลายมาให้นักศึกษาทดลองได้เห็นภาพจริง และการใช้คำถามเพื่่อให้นักศึกษา
แสดงความคิดเพื่อเป็นความรู้ที่ถูกต้อง